ภาวะเศรษฐกิจในปี 2567 ยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลทำให้รายได้ของประชาชนยังไม่ฟื้นตัว และทำให้หนี้ภาคครัวเรือนของไทยมีการปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งปัจจัยสำคัญดังกล่าวได้ส่งผลต่อการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ของ BAM ด้วยเช่นเดียวกัน

BAM ได้วางแผนกลยุทธ์สำหรับรองรับผลกระทบทั้งทางด้าน NPL และ NPA ซึ่งทางด้าน NPL ได้ดำเนินการด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการหนี้ไม่มีหลักประกัน (Clean Loan) โดยแบ่งการจัดกลุ่มลูกหนี้ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่บริหารเอง กับกลุ่มที่ให้ทนายนอก/Collector บริหารจัดการ เพื่อลดเวลาในการติดตามหนี้ พร้อมทั้งการออกแคมเปญฉลองครบรอบ 25 ปี ในโครงการสุขใจได้บ้านคืนและโครงการ BAM ช่วยฟื้นคืนธุรกิจ ที่ให้ลูกหนี้ SME สามารถชำระหนี้ขั้นต่ำ 80% ของราคาประเมิน พร้อมอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 25 เดือน ผ่อนชำระได้สูงสุด 25 ปี เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับลูกหนี้เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้กับ BAM ในขณะที่ทางด้าน NPA ได้จัดแคมเปญโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อเร่งสร้างยอดขายไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้าน BAM ครบจบทุก Lifestyle โครงการ BAM Big Thanks ลดลืมต้นทุน ขอบคุณลูกค้า โครงการ Brand (เด็ด) คอนโด โปรผ่อน โครงการอสังหาฯ น่าลงทุน เพื่อ BAMvestors โครงการ BAM The Final Call ลดส่งท้ายครบรอบปีที่ 25 โครงการ BAM โปรผ่อนที่ร้อนแรงที่สุดแห่งปี ดอกเบี้ย 0% 2 ปีแรก และโครงการ BAM for Thai Heroes ปีที่ 2 เป็นต้น

ในขณะเดียวกัน BAM วางเป้าหมายในการเป็น Digital Enterprise ในอนาคต ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมองค์กรในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างระบบบริหารจัดการสินทรัพย์ (New Core System) ที่ถือว่าเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ AMC ซึ่งประกอบไปด้วยระบบสำหรับงาน NPL NPA ระบบเกี่ยวกับงานคดี งานประเมินราคา รวมทั้งระบบบัญชีการเงิน การจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น ขณะเดียวกัน การเป็น Digital Enterprise จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการข้อมูลที่ครบถ้วนถูกต้องแม่นยำ (Data Management) และสามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์ ประมวลผล เพื่อประกอบการตัดสินใจได้ ดังนั้น BAM ได้มีการสร้างศูนย์ข้อมูลกลาง (DATA Center) เพื่อให้สามารถจัดทำรายงานทั้งหมดจากแหล่งข้อมูลเดียวกัน เพื่อกลายเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data Driven Organization) รวมถึงระบบ Lead Management ที่จะช่วยรวบรวมข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่สนใจสินค้าของ BAM และความต้องการของกลุ่มลูกหนี้เพื่อนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งได้เตรียมนำ AI มาช่วยในการวิเคราะห์ลูกหนี้ ทำให้สามารถจำแนกลูกหนี้กลุ่มต่าง ๆ เพื่อหาแนวทางบริหารจัดการที่เหมาะสมต่อไป

แนวทางในการวางกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้ BAM สามารถวางรากฐานที่แข็งแกร่งขององค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนได้ พร้อมทั้งยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจบนหลักการ ESG โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือขององค์กรในฐานะบทบาทด้านความรับผิดชอบของธุรกิจที่มีต่อสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อันจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ BAM มีความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน

ในโอกาสครบรอบปีที่ 25 ผมและทีมงานของ BAM ขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่มีบทบาทสำคัญ ในการผลักดันและเคียงข้าง BAM ตลอดมา โดย BAM ให้คำมั่นสัญญาว่าพร้อมที่จะทุ่มเท มุ่งมั่น และตั้งใจปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อสร้างองค์กรให้เป็นหนึ่งในผู้นำทางด้านบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ดีที่สุดตามเจตนารมณ์ที่วางไว้

นายบัณฑิต อนันตมงคล

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร